รูปภาพหน้าปกบทความ:แต่งหน้าไปเดต แจกทริคแต่งยังไงให้ติดทน ไม่หยาต่อหน้าผู้

แต่งหน้าไปเดต แจกทริคแต่งยังไงให้ติดทน ไม่หยาต่อหน้าผู้

เซย์ไฮเหล่าสาวซิส SistaCafe โลกสีชมพูทุกคนค่าา (≧◡≦) เดือนแห่งบรรยากาศของการแสดงความรักฟุ้งกระจายสุดๆ เพราะความรักไม่ได้หมายถึงวันที่ 14 กุมภาเท่านั้น แต่หมายถึงทั้งเดือนนี้และทุกวันตลอดปี การได้ใช้เวลาร่วมกัน มีโมเมนต์ดีๆ เช่นการไปเดต เพื่อเก็บเป็นความทรงจำ ( และอาจมีโพสต์ลงโซเชียลเป็นความทรงจำ ) จึงสำคัญ ซึ่งส่วนสำคัญของผู้หญิงอย่างเราๆ ก็คือ ‘ การแต่งหน้า ‘ นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็น ผิวตัว เสื้อผ้า รองเท้าไม่เท่าไหร่ ในรูปยังพอปกปิดได้ แต่ถ้าถ่ายรูป ยังไงก็ต้องเห็นผิว เห็นใบหน้าของเราชัดเจน ถ้าถ่ายรูปแล้วก็กลับไปแก้ไขไม่ได้ และถ้าเราแต่งหน้าให้สวยสะกดตา ก็จะเป็นการให้เกียรติและสร้างบรรยากาศดีๆ ให้กับแฟนของเราอีกด้วย แต่สำหรับอากาศประเทศไทยจะเวลาไหนก็ร้อนและชื้น ดังนั้นเรื่องความติดทนค่อนข้างเป็นจุดสำคัญที่จะช่วยเพิ่มให้เพื่อนๆ รู้สึกมั่นใจไปตลอดทั้งวันที่ไปเดต เพราะถ้าเราหน้าหยือหรือหยาขึ้นมาความมั่นใจและอารมณ์จะถ่ายรูปคู่รูปกับบรรยากาศคงหมดไป ฉะนั้นเราจึงมาแนะนำ 10 ทริค แต่งหน้าไปเดต ยังไงให้ติดทน ไม่หยาต่อหน้าผู้ ต้องทำยังไงไปบ้างไปดูกันเลย !

✿ ♥
✿ ♥ ✿ ♥ ✿ ♥ ✿ ♥ ✿ ♥ ✿ ♥

10 ทริค แต่งหน้าไปเดต ให้ติดทน ไม่หยือ ไม่หยาต่อหน้าผู้


1. การเตรียมผิวเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะทำให้เครื่องสำอางติดทน

การที่ผิวจะติดทนนั้นขึ้นอยู่กับการเตรียมผิวเป็นอันดับแรก แม้ว่าประเทศไทยของเราจะร้อนและไม่เหมาะกับการใช้สกินแคร์หลายขั้นตอนในช่วงกลางวัน แต่ก็ต้องมีการบำรุงก่อนแต่งหน้าเสมอ ดังนั้นถ้าใครมีเวลามากพอก่อนลงสกินแคร์แนะนำให้มาสก์หน้า 10-15 นาที หรือใช้เป็นโทนเนอร์แพดมาแปะตามจุดเช่น หน้าแก้ม หน้าผาก เป็นต้น หลังจากมาสก์เสร็จอย่าลืมลงมอยเจอร์ไรเซอร์บางๆ โดยเน้นบริเวณขอบหน้าแล้วเลเยอร์ที่เหลือมาทาส่วนหน้าเพื่อไม่ให้หน้าดูมันเกินไป และตามด้ววครีมกันแดดด้วย ซึ่งแต่ละขั้นตอนต้องรอแต่ละส่วนซึมเข้าสู่ผิวก่อนเสมอ บอกเลยว่าแค่การเตรียมผิวให้มีความชุ่มชื้นมากพอก็จะยิ่งช่วยให้เครื่องสำอางติดทนและไม่ดูหน้าแห้งจนเกินไป นอกจากนี้หลังแต่งหน้าเสร็จผิวจะมีความ glass skin และดูผิวสุขภาพดีมากอีกด้วย ผิวคือสู้แสงสุดๆ


2. เซตแป้งฝุ่นบางๆ และตามด้วยสเปรย์ล็อกเมคอัพ

หลังจากลงสกินแคร์เสร็จแล้วแนะนำทริคที่จะช่วยให้หน้าติดทนและหน้าไม่หยือ คือการเซตด้วยแป้งฝุ่นบางๆ ให้ทั่วหน้า โดยไม่จำเป็นต้องใช้แป้งฝุ่นเยอะใช้เพียงเล็กน้อยเพียงแต่เซตให้ทั่วหน้าเท่านั้นจุดสำคัญ โดยการเซตนั้นแนะนำให้ใช้เป็นแปรงพุ่มใหญ่เพื่อให้การเซตนั้นมีความบางเบาและกระจายได้ทั่วใบหน้า หลังจากเซตแป้งฝุ่นเสร็จแล้วให้ตามด้วยสเปรย์ล็อกเมคอัพเพื่อเพิ่มความติดทนไปอีกชั้น โดยการฉีดเน้นทั่วใบหน้าไม่ต้องเยอะจนเกินไป และสิ่งสำคัญอย่าลืมนำพัดมาพัดให้สเปรย์ซึมเข้าหน้าด่วนๆ


3. ใช้ ไพรเมอร์ เพื่อเพิ่มความติดทนและเบลอรูขุมขน

ขั้นตอนนี้สำหรับเพิ่มความติดทนโดยเฉพาะ โดยการทาจะเน้นทาบริเวณช่วงหน้าแก้ม จมูก หน้าผาก หรือคาง โดยใช้มือในการช่วยเกลี่ยให้ทั่ว และการใช้ไพรเมอร์นอกจากจะช่วยเพิ่มความติดทนแล้วนั้นยังช่วยเบลอรูขุมขนได้ระดับหนึ่ง ทำให้หลังจากที่เราใช้รองพื้นหรือคุชชั่นงานผิวจะช่วยทำให้ผิวมีความเนียนกริบและดูติดทนตลอดทั้งวันอีกด้วย แต่สิ่งสำคัญและเน้นย้ำที่สุดหลังจากลงไพรเมอร์ต้องรอให้เซตตัวหรือมีความแห้งซึมเข้าหน้าก่อน ก่อนจะไปขั้นตอนถัดไป เพราะบอกเลยว่าถ้ารีบไปเลยหน้าที่เราเตรียมมาคือพัง! แถมเป็นคราบแน่นอน ซึ่งเราจะรู้ได้อย่างไรว่าสามารถไปขั้นตอนถัดไปได้นั้น ให้เรานำหลังมือมาลองแตะๆ บริเวณที่ทาไพรเมอร์ ถ้ารู้สึกว่าไม่มีอะไรติดหลังมือมา หรือรู้สึกว่าส่วนนั้นไม่เหนียวเหนอะหนะแล้วก็สามารถไปขั้นตอนต่อไปได้


4. ใช้รองพื้น หรือคุชชั่นที่เน้นงานผิวให้ฟินิชลุคที่เป็นธรรมชาติ

ความสำคัญของการใช้รองพื้นคือการเกลี่ยให้ทั่วใบหน้า และให้งานผิวที่เป็นฟินิชลุคที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งบอกเลยว่าทริคของการใช้รองพื้นหรืองานคุชชั่นนั้นไม่ยาก  หากใครที่ชอบใช้รองพื้นนั้นและต้องการงานผิวแนะนำให้หาแปรงที่เป็นหัวแบนๆ หรือใช้เป็นไม้พาย spatula   ปาดไปบางๆ ให้ทั่ว ยิ่งบางจะยิ่งทำให้เราสามารถคอนโทรลรองพื้นได้ดี หลังจากปาดรองพื้นเรียบร้อยให้ใช้ฟองน้ำหรือพับที่มีความนุ่มมาค่อยๆ ตบให้เข้าหน้าโดยตบให้เนื้อรองพื้นแนบไปกับผิวของเรา หรือถ้าใครต้องการเพิ่มการปกปิดก็สามารถเพิ่มเลเยอร์โดยการใช้แปรงหัวแบนทำเหมือนขั้นตอนแรกคือการปาดให้บางๆ แล้วตบด้วยฟองน้ำอีกหนึ่งสเต็ป

สำหรับใครสายคุชชั่น แนะนำว่าให้กดเนื้อคุชชั่นแล้วแท็บๆ ออกเล็กน้อยเพื่อเป็นการวอร์มเนื้อคุชชั่น หลังจากนั้นให้นำมาปาดบริเวณขอบหน้าก่อน แล้วค่อยทำการตบเนื้อคุชชั่นจากบริเวณขอบหน้าและนำส่วนที่เหลือที่อยู่บนฟองน้ำค่อยๆ ตบมาช่วงหน้าแก้มเพื่อลบการตกร่องนั่นเอง


5. เซตสเปรย์อีกครั้ง และเซตด้วยแป้งฝุ่นบางๆ อีกรอบ

ขั้นตอนนี้จะช่วยเพิ่มความติดทนและให้เนื้อรองพื้นหรือคุชชั่นอยู่ทนตลอดทั้งวัน โดยขั้นตอนนี้จะใช้สเปรย์เซตอีกครั้งหลังจากตบเนื้อรองพื้นหรือคุดชั่นเสร็จแล้ว หลังจากที่ฉีดสเปรย์ล็อคเม็กอัพเสร็จเรียบร้อยนั้นเราจะนำแป้งฝุ่นมาเซตบางๆ เน้นย้ำว่าบางๆ เพื่อไม่ให้ผิวของเราดูมีความเป็นฝุ่นมากเกินไป ยังคงงานผิวไว้อยู่


6. ใช้บลัชออนชนิดครีม ป้องกันสีแก้มเลือน แก้มซีดระหว่างวัน

การเดตอาจกินเวลาทั้งวัน หรืออย่างน้อยก็หลายชั่วโมง ทั้งกินข้าว ดูหนัง ชมวิว หรือไปทำกิจกรรมตามอีเวนต์ต่างๆ ที่มีขึ้นในวันนั้นโดยเฉพาะ ถ้าแต่งหน้าแบบเบาบางเกินไป เน้นใช้แต่เมคอัพแบบฝุ่น แก้มก็ปัดบางๆ แม้มองแล้วจะดูอ่อนหวานดี แต่ผ่านไปสักพักจนใกล้หมดเวลาเดต แก้มอาจหลุดลอกออกมาจนหมดแล้วก็เป็นได้ ทางรอดของสาวๆ เราขอผายมือไปให้ ‘บลัชออนแบบครีม’ ซึ่งสำหรับมือใหม่อาจใช้ยากหน่อย กลัวเป็นปื้นหรือจุด แต่ที่จริงไม่ได้ยากขนาดนั้น! ใช้บลัชครีมโทนสีนู้ด สีชมพูหรือสีส้ม ใช้ก่อนหรือหลังลงรองพื้นก็ได้ แตะเป็นสามจุดเล็กๆ บริเวณพวงแก้ม แล้วใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางเบลนด์วนๆ จนเนื้อบลัชละลายติดลงไปกับผิว ถ้าลงเข้มไปก็ค่อยใช้รองพื้นและแป้งตบเพิ่มได้ เพิ่มความติดทนด้วยบลัชออนแบบฝุ่นอีกชั้นหนึ่ง เท่านี้ก็มั่นใจในแก้มใสไปจนจบวันแน่นอน


7. แต่งคิ้วด้วยโทนสีน้ำตาล ให้ใบหน้าดูหวานละมุนยิ่งขึ้น

ถ้าอยากให้ลุคแต่งหน้าดูละมุน ต้องใช้สีน้ำตาลในการเขียนคิ้วหรือสีที่อ่อนกว่าสีผม เพราะสีดำจะให้ลุคดูมีความคมเฉี่ยว เฟียสเกินไป นอกจากอายไลเนอร์แล้ว ส่วนที่เป็นมงกุฎของใบหน้าอย่างคิ้วก็สำคัญ ซึ่งควรเริ่มเตรียมมาตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยการกันคิ้วให้เป็นรูปทรงเข้ากับใบหน้าของตัวเอง และแปรงคิ้วให้เส้นขนคิ้วไม่พันกันอยู่เสมอ ตอนแต่งคิ้วจะได้ง่ายขึ้น เป๊ะขึ้น เริ่มจากใช้ดินสอเขียนคิ้วโทนสีน้ำตาลระบายคิ้ว หากสาวคนไหนปลายคิ้วแหว่งก็วาดเติมให้เต็ม แล้วใช้แปรงจากเจลเขียนคิ้วปัดให้ทั่ว ปัดตามแนวขนก่อนหนึ่งรอบ และย้อนแนวขนอีกหนึ่งรอบ เพื่อให้เจลเคลือบเส้นขนได้ครบทุกเส้น สีไม่กระจุกเป็นหย่อมๆ ถ้าตรงไหนลงสีเข้มไปใช้แปรงปัดๆ เพื่อแยกเส้นขนไม่ให้จับเป็นก้อน รอให้แห้ง เท่านี้ก็ได้คิ้วเป๊ะสุดเพอร์เฟกต์แล้ว หรือถ้าใครต้องการให้คิ้วมีความอ่อนก็สามารถใช้มาสคาร่าคิ้วสีอ่อนมาปัดเพิ่มได้ เพื่อให้ลุคดูมีความเป็นธรรมชาติและดูฟุ้งๆ


8. ปัดบรอนเซอร์และไฮไลต์โทนสีอ่อน เพื่อใบหน้าดูมีมิติ

หากเป็นสาวเชื้อสายคอเคเชี่ยน หรือเรียกง่ายๆ ว่าฝรั่งผิวขาวแถบอเมริกาและยุโรป ลักษณะทางใบหน้าจะค่อนข้างชัด เบ้าตาลึก จมูกโด่ง ปากอิ่ม ซึ่งทำให้แต่งหน้าดูแบนแค่ไหน หน้าก็จะยังโดดเด่นมีมิติอยู่ดี แต่ย้อนกลับมาที่พวกเราสาวเอเชีย ส่วนใหญ่มักจะเป็นหน้าแบบปากนิดจมูกหน่อย ตาเล็กหรือตาชั้นเดียวซึ่งมองเผินๆ ก็ดูน่ารักดี แต่ถ้าแต่งหน้าผิด หน้าจะดูแบนราบเรียบไร้มิติทันที ถ้าไม่อยากให้หน้าเหมือนกระดาษ 2 มิติ ก็ควรใช้ตัวช่วยอย่าง ‘บรอนเซอร์และไฮไลต์’ เพื่อสร้างออร่าเป็นสาวหวานละมุนน่าทะนุถนอม ควรเลือกทั้งคู่เป็นโทนสีอ่อน เช่น เทาอ่อน น้ำตาลอ่อน และไฮไลต์สีขาวมุก เพราะคนเอเชียถ้าใช้สีเข้มลงไปเลย อาจจะดูมีมิติชัดจริงแต่ก็ดูไม่เป็นธรรมชาติไปด้วยในเวลาเดียวกัน เริ่มจากแปรงพุ่มหัวตัดแตะบรอนเซอร์สร้างกรอบให้หน้า ปัดแถวไรผม สันจมูก โหนกแก้ม และใช้แปรงเล็กๆ แตะไฮไลต์ แล้วแต้มจุดเล็กที่ปลายจมูก โหนกแก้มบางๆ และรอยหยักเหนือปาก ( cupid’s bow ) รับรองสวยจนผู้ตะลึง แถมถ่ายรูปปังสุดๆ!


9. เน้นแต่งส่วนดวงตา ให้กลมโต โดดเด่น เป็นประกาย

เพราะดวงตาคือเป็นด่านแรกที่คู่เดตจะได้มองเรา เรียกว่าเป็น first impression ในเวลาไม่กี่วิเมื่อผู้ชายได้พบเห็นเราในวันนั้นเลยทีเดียว ดังนั้นจึงต้องตั้งใจแต่งส่วนของดวงตาเป็นพิเศษ เน้นให้ดูเป็นธรรมชาติ อ่อนหวาน โดดเด่นออกมามากขึ้น ซึ่งทริคหนึ่งที่ใช้ลวงตาว่าดวงตามีขนาดใหญ่ขึ้นก็คือ ‘ อายแชโดว์กลิตเตอร์ ‘ เริ่มจากใช้อายแชโดว์เบสให้สีติดทนนานก่อน แล้วค่อยลงสีกลิตเตอร์ หรือจะใช้อายแชโดว์โทนสีธรรมชาติหรือสีชมพู แล้วใช้กลิตเตอร์แบบจิ้มจุ่ม แต้มบริเวณกึ่งกลางดวงตาก็ช่วยดึงดูดสายตาได้ดีขึ้นมากๆ หากสาวๆ ไม่ใช่คนตาโตโดยธรรมชาติ เลี่ยงการเขียนอายไลเนอร์เส้นใหญ่โดยเด็ดขาด เพราะจะยิ่งทำให้ตาเล็ก ดูตาหยียิ่งกว่าเดิมเข้าไปอีก! แนะนำให้ใช้อายไลเนอร์โทนสีน้ำตาลเขียนให้ชิดขอบขนตามากที่สุด ใช้อายไลเนอร์สีขาวหรือสีนู้ดระบายที่ขอบตาล่างเพิ่มความกลมโต ดัดขนตาและปัดมาสคาร่าเน้นความยาวและหนาแบบกันน้ำ ให้ขนตางอนยาวเป็นแพสวยๆ


10. ลิปสติกควรใช้แบบเนื้อแมตต์/กึ่งแมตต์ จะดีที่สุด หรือใช้ทินท์ก็ได้

กิจกรรมในการเดตของบางคนอาจจะมีมากมาย ที่แน่ๆ คนทั่วไปต้องมีกินข้าว ดื่มน้ำ และอาจจะมีการกุ๊กกิ๊ก ได้กอดได้จุ๊บ ดังนั้นชนิดของลิปสติกที่ทาก็สำคัญ! ถ้าทาลิปกลอสเงาวาว หรือเนื้อครีมที่หลุดง่ายๆ อาจจะเจอความโป๊ะ สีปากติดหลอดหรือแก้ว หรือจะไปอ้อน คลอเคลียแฟนเป็นลูกแมวน้อยก็ไม่ได้ กลัวสีปากไปติดเสื้อเขา กังวลไปหมด แถมช่วงนี้ยังมีเชื้อโรคและฝุ่น PM 2.5 อาจจะต้องมีการใส่แมสก์เที่ยวด้วย ดังนั้นใช้ลิปสติกแบบแมตต์ กึ่งแมตต์ หรือทินท์จะดีที่สุด ลิปแมตต์ คุณสมบัติเด่นๆ ของเขาก็คือติดทนนาน จะกินดื่ม จุ๊บยังไงสีก็ไม่หลุดไม่ค่อยหลุดลอก จึงมั่นใจกับลุคแต่งหน้าของตัวเองได้ แต่ถ้าบางคนกลัวว่าทาลิปแมตต์เต็มปากแล้วจะดูแก่ จะใช้นิ้วเกลี่ยปากให้ฟุ้งนัวๆ ให้ลุคมีความออมเบร แล้วใช้ลิปกลอสแตะที่กึ่งกลางปากบน-ล่าง ก็ได้ลุคสวยแบบสาวเกาแล้ว น่ารักสุดๆ ไปด้วย

✿ ♥ ✿ ♥ ✿ ♥ ✿ ♥ ✿ ♥ ✿ ♥ ✿ ♥


รวมไอเดียแต่งหน้าไปเดตตามดารา



ไอเดียแต่งหน้าไปเดต : ลุคสาวโต่วอิน