มะเร็งปากมดลูก เช็กสัญญาณเตือน ภัยใกล้ตัวสุดอันตรายของผู้หญิง
กราบสวัสดีค่ะสาว ๆ ทุกคน วันนี้เราจะมาชวนเพื่อน ๆ พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องผู้ญฺิงถึงผู้หญิง โรคที่ใกล้ตัว แต่เราดันมองข้ามไป รู้ตัวอีกที ก็เป็นซะแล้ว โรคที่ว่านั้นก็คือ ”
มะเร็งปากมดลูก
” บางคนอาจจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ตัวเองกำลังเป็นโรคนี้อยู่ บางคนมีอาการ แต่มองข้าม เพราะคิดว่า แค่ปวดท้องทั่วไป วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับโรคมะเร็งปากมดลูก พร้อมพูดคุยถึงสาเหตุ อาการ การรักษา วิธีป้องกัน รวมไปถึงแชร์สถานที่รับตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วย จะเป็นยังไงบ้างนั้น เราไปตรวจสุขภาพกันเลยดีกว่าค่ะ
💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗
ทำความเข้าใจ ” มะเร็งปากมดลูก ” เกิดจากอะไร ?
หลายคนอาจจะกำลังสงสัยว่า
มะเร็งปากมดลูก
คืออะไร เอาเข้าจริง แม้เราจะไม่รู้ว่า โรคนี้คืออะไร แต่ขึ้นชื่อว่ามะเร็ง ก็คงไม่ใช่โรคดีเท่าไหร่ มะเร็งปากมดลูก เป็นโรคที่เกิดขึ้นบริเวณเซลล์ปากมดลูก ซึ่งต่อจากช่องท้องและเชื่อมต่อกับช่องคลอด โดยส่วนใหญ่จะเกิดจากการติดเชื้อ
HPV (Human Papilloma Virus)
ทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมักไม่สามารถกำจัดออกไปได้ ทำให้เชื้อคงอยู่อย่างยาวนาน จนก่อให้เกิดความผิดปกติในเซลล์ที่นำไปสู่การเกิดมะเร็งได้นั่นเอง
สาเหตุที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก
แล้วสาเหตุที่ทำให้เราเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ มันคืออะไรกันแน่ ๆ จริง ๆ เราเฉลยไปแล้วข้างต้น แต่เราจะมาอธิบายให้ละเอียดขึ้นอีกนิด สรุปง่าย ๆ แบบสั้น ๆ เลยคือ ปัจจัยที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกคือ การติดเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า
Human Papilloma Virus หรือเรียกสั้นๆว่า เชื้อเอชพีวี (HPV)
ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่สามารถติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์ โดยอาจจะเกิดจากการติดต่อได้หลายช่องทาง เช่น ทางปาก ทางช่องคลอด หรือ ทางทวารหนัก โดยได้รับเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อ HPV อยู่
ใครเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูกบ้าง ?
เอาเข้าจริง ๆ ปัจจุบันมีการตรวจพบว่า คนที่เป็นมะเร็งปากมดลูกนั้น อายุน้อยลงทุกที ซึ่งนั่นก็ทำให้เราได้ตระหนักได้แล้วว่า มะเร็ง ไม่ใช่โรคของคนแก่ หรือผู้ใหญ่อีกต่อไป แต่มาดูกันก่อนว่า คนที่เสี่ยงจะติดเชื้อ และมีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกได้นั้น มีใครกันบ้าง เราได้ลิสต์มาให้เพื่อน ๆ ได้ดูกันแล้วค่ะ
มะเร็งปากมดลูก
เป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยในผู้หญิงกลุ่มอายุ 35 – 60 ปี ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคนที่เคยมีเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะในกลุ่มคนเหล่านี้
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายหลายคน
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายที่มีคู่นอนหลายคน
- ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันต่ำ หรือมีพฤติกรรมที่ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันลดลง เช่น การสูบบุหรี่เป็นประจำ
- ผู้ที่มีประวัติเคยป่วยด้วยโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ
💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗
เช็กสัญญาณเตือนโรคมะเร็งปากมดลูก
มาดูกันว่า อาการของคนที่เสี่ยงเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกนั้น เป็นยังไงบ้าง จริง ๆ โรคนี้ เขาจะมีสัญญาณเตือนนะ แม้ในระยะแรก จะไม่ค่อยแสดงอาการอะไรให้เห็นเท่าไหร่ แต่ก็มีสัญญาณที่บ่งบอกให้เห็นอยู่ว่า ตอนนี้ร่างกายของคุณ กำลังผิดปกติ ซึ่งเราได้รวบรวมสัญญาณเตือนต่าง ๆ มาให้เเพื่อน ๆ ได้ลองสังเกตตัวเองกันแล้ว ดังนี้เลยค่ะ
-
มีเลือดออกจากช่องคลอดผิดปกติ
เช่น มีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ ออกกะปริบกะปรอยระหว่างมีประจำเดือน ประจำเดือนมามากหรือนานกว่าปกติ หรือเลือดออกหลังวัยหมดประจำเดือน -
มีตกขาวผิดปกติ
ซึ่งอาจมีสีเหลือง น้ำตาล และอาจมีเลือดปน รวมถึงมีกลิ่นเหม็น หรือมีลักษณะเป็นน้ำ เป็นมูก เป็นหนอง -
มีอาการเบื่ออาหาร อ่อนเพลีย
ซึ่งมักส่งผลให้น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ -
มีอาการปวดบริเวณท้องน้อยผิดปกติ
โดยไม่เกี่ยวข้องกับการปวดท้องประจำเดือน -
รู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์
เนื่องจากมีการกดทับ หรือบีบรัดบริเวณช่องคลอด
มะเร็งปากมดลูก มีกี่ระยะ ?
สำหรับมะเร็งปากมดลูกแล้ว หลัก ๆ เลย เขาจะแบ่งระยะของอาการออกเป็นโจทย์ใหญ่ ๆ คือ
ระยะก่อนมะเร็ง และระยะลุกลาม
ซึ่งพอเข้าระยะลุกลามแล้ว ก็จะแบ่งย่อยไปอีก 4 ระยะ ในแต่ละระยะจะสะท้อนให้เห็นถึงการลุกลามของมะเร็งที่เกิดขึ้น เดี๋ยวเราไปดูกันค่ะว่า แต่ละระยะเป็นยังไงบ้าง
✅
ระยะก่อนมะเร็ง หรือระยะลุกลาม
ระยะนี้เซลล์มะเร็งยังอยู่ภายใจชั้นเยื่อบุผิวปากมดลูก ไม่ลุกลามเข้าไปในเนื้อปากมดลูก ผู้ป่วยจะไม่มีอาการผิดปกติเลย แต่
ตรวจพบได้ด้วยการตรวจคัดกรองทางเซลล์วิทยา หรือ ตรวจแพปสเมียร์ (Pep Smear)
✅
ระยะลุกลาม แบ่งออกเป็น 4 ระยะย่อย
คือ
-
ระยะที่ 1
มะเร็งลุกลามอยู่ภายในปากมดลูก -
ระยะที่ 2
มะเร็งลุกลามไปที่เนื้อเยื่อข้างปากมดลูก และ (หรือ) ผนังช่องคลอดส่วนบน -
ระยะที่ 3
มะเร็งลุกลามไปที่ด้านข้างของเชิงกราน และ (หรือ) ผนังช่องคลอดส่วนล่าง หรือกดท่อไตจนเกิดภาวะไตบวมน้ำ -
ระยะที่ 4
มะเร็งลุกลามไปที่กระเพาะปัสสาวะ ไส้ตรง หรืออวัยวะอื่นๆ เช่น ปอด กระดูก และต่อมน้ำเหลืองนอกเชิงกราน เป็นต้น
เป็นมะเร็งปากมดลูกแล้ว รักษาได้ไหม ?
คำถามที่หลาย ๆ คนสงสัย เป็นแล้วรักษาได้มั้ย ถ้าให้พูดตามหลัก ก็รักษาได้ ซึ่งแต่ละระยะของโรค จะมีวิธีการรักษาที่แตกต่างกันออกไปด้วยนะ
✅
ระยะก่อนมะเร็ง หรือระยะก่อนลุกลาม
รักษาได้หลายวิธี ได้แก่
- การตรวจติดตามอย่างใกล้ชิด โดยการตรวจภายใน ตรวจแพปสเมียร์ (Pep Smear) และการตรวจด้วยกล้องขยาย (Colposcope) ทุก 4-6 เดือน รอยโรคบางชนิดสามารถหายไปได้เองภายใน 1-2 ปี
- การจี้ปากมดลูกด้วยความเย็น
- การตัดปากมดลูกออกเป็นรูปกรวยด้วยมีด
✅
ระยะลุกลาม
การเลือกวิธีในการรักษาขึ้นอยู่กับโรคประจำตัวของผู้ป่วย และระยะของ มะเร็งปากมดลูก
- ระยะที่ 1 และระยะที่ 2 บางราย รักษาโดยการตัดมดลูกออกแบบกว้าง ร่วมกับการเลาะต่อมน้ำเหลืองเชิงกรานออก
- ระยะที่ 2 ถึงระยะที่ 4 รักษาโดยการฉายรังสีร่วมกับการให้ยาเคมีบำบัด
วิธีตรวจมะเร็งปากมดลูก ควรเริ่มตรวจตั้งแต่ช่วงอายุเท่าไหร่ ?
สาว ๆ หลายคน อาจจะกำลังมองข้ามโรคนี้ไป แต่ขอบอกเลยว่า โรคนี้ เป็นหนึ่งในโรคที่อยู่ใกล้ตัวสาว ๆ อย่างเรามาก อย่างน้อย ๆ ก็ควรตรวจเพื่อความแน่ใจ หากพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ก็จะดีมาก ๆ จะได้รีบทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที
วิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
เป็นการตรวจหาการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เนื้อเยื่อบริเวณปากมดลูกก่อนที่จะมีอาการ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด มะเร็งปากมดลูก หรือตรวจหามะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มแรก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาได้ ซึ่งวิธีการตรวจนั้น ปัจจุบันแบ่งออกเป็น 3 วิธี
-
วิธีการตรวจมะเร็งปากมดลูกแปปเสมียร์ (Pap smear)
เป็นวิธีที่หลาย ๆ คนน่าจะรู้จักกันดี เป็นการตรวจโดยจะใช้ไม้พายเก็บเนื้อเยื่อบริเวณปากมดลูก แล้วนำไปตรวจในห้องปฏิบัติการ วิธีนี้เป็นวิธีที่นิยมใช้ เป็นวิธีการตรวจที่ราคาไม่สูง แต่ด้านความแม่นยำอาจไม่มากนัก อยู่ที่ประมาณ 50 % -
วิธีการตรวจมะเร็งปากมดลูกตินเพร็พ (ThinPrep)
ถัดมาที่วิธีที่เขาว่ากันว่า พัฒนามาจากวิธีแปปเสมียร์ วิธีนี้จะมีประสิทธิภาพ และความแม่นยำอยู่ที่ประมาณ 90 – 95% เป็นการเก็บเซลล์บริเวณปากมดลูกด้วยอุปกรณ์เฉพาะ จากนั้นใส่ลงในขวดน้ำยาตินเพร็พ ก่อนส่งตรวจผลในห้องปฏิบัติการ -
วิธีการตรวจมะเร็งปากมดลูกตินเพร็พ (ThinPrep) + การตรวจหาเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV DNA Test)
เป็นวิธีที่ว่ากันว่า ดีที่สุด เพราะเป็นการตรวจหาเซลล์มะเร็งปากมดลูกร่วมกับตรวจดีเอ็นเอของเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับมะเร็งปากมดลูก ร่วมกับการเจาะลึกให้มากขึ้นว่ามีการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่ 16 และ 18 หรือไม่ ซึ่งถ้าไม่มีการติดเชื้อก็สามารถมั่นใจได้ถึง 99 % ว่าในช่วง 1 – 2 ปีที่รับการตรวจโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกจะน้อยมาก
วิธีการตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วยตัวเอง
เพื่อน ๆ น่าจะทราบกันดีกว่า การตรวจมะเร็งปากมดลูก เราสามารถทำเองได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า จะมานั่งวิเคราะห์เองได้นะ เป็นการเก็บผลด้วยตัวเอง แล้วส่งตรวจนั่นเองค่ะ ซึ่งอุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจนั้น เรียกว่า
HPV Self-Collected Test
เป็นชุดตรวจที่ถูกออกแบบขึ้นเพื่อเก็บตัวอย่างจากช่องคลอด ไปตรวจวิเคราะห์การติดเชื้อ HPV ซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งต่าง ๆ ทั้งในผู้ชาย และผู้หญิง ซึ่งอุปกรณ์นี้ในแต่ละยี่ห้อ ก็จะมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันค่ะ
ก่อนใช้ให้อ่านวิธีให้ละเอียดนะคะ ต้องล้างมือให้สะอาด และทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดด้วยนะ
ต้องอายุเท่าไหร่ ถึงควรจะตรวจมะเร็งปากมดลูก ?
ต้องหลายคนแน่ ๆ ที่กำลังสงสัยว่า อายุต้องเท่าไหร่ ถึงจะต้องไปตรวจมะเร็งปากมดลูก ว่ากันว่า ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการตรวจมะเร็งปากมดลูก คือช่วง 10 – 20 วันหลังจากมีประจำเดือน เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายสะอาด
ช่วงอายุที่เหมาะสมของผู้หญิง จะอยู่ในช่วงอายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป หรือ 3 ปีหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก
ขึ้นกับว่าเวลาใดถึงก่อน ควรเริ่มทำการตรวจแป็ปสเมียร์ หลังจากนั้นทำการตรวจทุก 1 – 2 ปี สำหรับผู้หญิงที่อายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป ควรตรวจแปปสเมียร์ทุกปี หากผลตรวจเป็นปกติติดต่อกัน 3 ปี ในผู้หญิงที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ โอกาสที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูกน้อย แต่ว่าการตรวจมะเร็งปากมดลูก อาจมีประโยชน์น้อยในช่วง 4 – 5 ปี หลังอายุ 21 ปี แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม การตรวจภายใน ไม่ได้มีผลกับแค่การตรวจหามะเร็งปากมดลูกเท่านั้นนะ แต่ยังเป็นการตรวจในส่วนอื่น ๆ ตามไปด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีนะคะ
วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก
การฉีดวัคซีน HPV ก็เป็นหนึ่งในวิธีป้องกันมะเร็งปากมดลูกที่ดีที่สุดด้วยเช่นกัน
วันนี้เราจะมาชวนเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับ
วัคซีน HPV วัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ( Human Papilloma Virus )
กันค่ะ ช่วงอายุไหนเหมาะสำหรับการฉีดวัคซีน HPV บ้าง คนที่มีเพศสัมพันธ์แล้วฉีดได้อยู่มั้ย ต้องฉีดทั้งหมดกี่เข็ม และป้องกันได้ถึงเมื่อไร ตามไปไขข้อสงสัยกันต่อเลยค่ะ
ฉีดวัคซีน HPV จำเป็นต้องตรวจภายในก่อนหรือไม่ ?
มาเริ่มกันที่คำถามแรก ถ้าต้องฉีดวัคซีนป้องกัน HPV จำเป็นต้องตรวจภายในก่อนหรือไม่ คำตอบคือ ไม่ค่ะ การฉีดวัคซีนป้องกัน HPV ชนิด 9 สายพันธุ์ ไม่จำเป็นจะต้องตรวจภายในก่อน เพราะหากผลตรวจออกมาเจอเชื้อ HPV หรือไม่ก็ตาม การฉีดวัคซีนก็ยังคงได้ประโยชน์ในการป้องกันเชื้อลุกลาม เเละป้องกันการติดเชื้อซ้ำ
วัคซีน HPV มีกี่ประเภท และป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้กี่เปอร์เซ็น ?
วัคซีน HPV จะเป็ยออกเป็น 2 แบบ คือ วัคซีน HPV ชนิด 4 สายพันธุ์ กับ 9 สายพันธุ์ โดยวัคซีนทั้งสองประเภทนี้ มีความแตกต่างกัน ดังนี้
-
วัคซีน HPV ชนิด 4 สายพันธุ์
จะช่วยป้องกันเชื้อ HPV สายพันธุ์ 6, 11, 16 และ 18 ซึ่งจะสามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ 70% รวมทั้งช่วยป้องกันหูดหงอนไก่ได้ 90% -
วัคซีน HPV ชนิด 9 สายพันธุ์
จะช่วยป้องกันเชื้อ HPV สายพันธุ์ 6, 11, 16, 18, 31, 33, 45, 52 และ 58 ช่วยป้องกันมะเร็งปากมดลูกเเละหูดหงอนไก่ได้ถึง 99% ทั้งยังช่วงป้องกันมะเร็งปากช่องคลอด ทวารหนัก ช่องปาก และลำคอได้ด้วย
วัคซีน HPV สามารถป้องกันได้นานแค่ไหน ?
วัคซีน HPV จะฉีดทั้งหมด 3 เข็ม ภายในระยะเวลา 6 เดือน วัคซีนตัวนี้สามารถป้องกันโรคได้นานกว่า 10 ปี เลยยังไม่มีการแนะนำให้ฉีดกระตุ้นซ้ำ และจากข้อมูลทางการแพทย์ในปัจจุบันพบว่า หลังจาก 10 ปี วัคซีนยังมีประสิทธิภาพป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ถึง 90%
แล้วเราควรเริ่มฉีดวัคซีนในช่วงอายุเท่าไหร่ ถึงจะเรียกว่า เหมาะสมที่สุด มีการเปิดเผยข้อมูลจากคณะกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันแห่งสหรัฐอเมริกา ได้รับรองเอาไว้ว่า
สามารถใช้ได้ในเด็กผู้หญิง และหญิงสาวอายุ 9 – 26 ปีที่ไม่เคยได้สัมผัสเชื่อ HPV มาก่อน ในช่วงอายุนี้วัคซีนจะสามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
และถ้า
อายุเกิน 26 ปีไปแล้ว ก็ยังสามารถรับวัคซีนได้ ถ้าเกิดว่าเป็นการฉีดก่อนสัมผัสเชื้อ หรือก่อนการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก
คนที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว สามารถฉีดวัคซีน HPV ได้อยู่มั้ย?
สำหรับวัคซีน HPV จะออกฤทธิ์ได้ดีเมื่อไม่เคยสัมผัสกับเชื้อ หรือยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ แต่คนที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว ก็ยังสามารถฉีดได้อยู่ แต่อาจจะไม่ได้รับประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันวัคซีน แต่วัคซีนสามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV ได้หลายสายพันธุ์
ถึงแม้ว่ามีโอกาสเสี่ยงต่อเชื้อ HPV ไปแล้ว ก็ยังได้รับประโยชน์จากการป้องกันเชื้อบางสายพันธุ์ได้อยู่
หลังจากฉีดวัคซีนแล้วมีผลข้างเคียงอะไรมั้ย?
สำหรับวัคซีน HPV เป็นวัคซีนสังเคราะห์เลียนแบบโครงสร้างของเชื้อ HPV ไม่ได้นำส่วนใดส่วนหนึ่งของสายพันธุกรรมเชื้อไวรัสมาใช้ผลิตวัคซีนนี้ เลยมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง ผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายน้อยมาก อาการหลังจากได้รับวัคซีนจะคล้ายกับอาการตอนได้วัคซันอื่น ๆ อย่างปวดบวมเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีด หรือในบางคนอาจจะมีไข้ต่ำ ๆ
💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗
สถานที่ตรวจมะเร็งปากมดลูก
สำหรับเพื่อน ๆ คนไหน ที่อยากจะไปตรวจมะเร็งปากมดลูก วันนี้เรามีสถานที่ตรวจมะเร็งปากมดลูกมาแนะนำ พร้อมแจกแจงรายละเอียดต่าง ๆ ให้เพื่อน ๆ ได้ดูกันด้วย จะมีที่ไหนบ้าง เราไปดูพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าค่ะ
✅
atFirst Clinic
:
ตรวจมะเร็งปากมดลูก ThinPrep และตรวจหาเชื้อ HPV ด้วย DNA ราคา 2,300 บาท รอบคลุมค่าตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ด้วยวิธี ThinPrep และตรวจหาเชื้อ HPV DNA, ค่าแพทย์ และค่าบริการโรงพยาบาล แนะนำให้นัดล่วงหน้าก่อนนะคะ เดินทางสะดวก แถมราคาไม่แรงเกินไปด้วย
พิกัด : 128/101 อาคารพญาไทพลาซ่า ชั้น 9 ถ. พญาไท แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
✅
โรงพยาบาลพญาไท 3
: ราคาค่อนข้างสูงนิดนึงนะ เพราะตรวจภายในแบบองค์รวมไปเลย ซึ่งราคาใช้จ่ายจะครอบคลุมทั้งค่าตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี ThinPrep, ค่าตรวจหาเชื้อ HPV, ค่าตรวจรังไข่และมดลูกด้วยการอัลตราซาวด์ทางช่องคลอด (TVS) เพื่อตรวจหาเนื้องอก, ค่าแพทย์ และค่าบริการโรงพยาบาล ราคาเต็ม ๆ จะอยู่ที่ 6,400 บาท
พิกัด : 111 ถ.เพชรเกษม แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร 10160
✅
happybirth Clinic
: ตรวจมะเร็งปากมดลูก ThinPrep และตรวจหาเชื้อ HPV ด้วย DNA ราคาไม่แพงมาก อยู่ที่ 3,290 ราคานี้ครอบคลุมค่าตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ด้วยวิธี ThinPrep และตรวจหาเชื้อ HPV ด้วย DNA รวมไปถึงค่าแพทย์ในวันที่เข้ารับบริการครั้งแรก และค่าบริการโรงพยาบาลด้วย
พิกัด : มีทั้งหมด 3 สาขา ดังนี้ สาขาอโศก, สาขาลาดกระบัง และที่สาขารามคำแหง
✅
โรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์ พระราม 4
: ราคาตรวจอยู่ที่ 3,290 บาท แพ็กเกจนี้รวมค่าตรวจมะเร็งปากมดลูก ThinPrep และตรวจหาเชื้อ HPV ด้วย DNA,ค่าแพทย์ในวันที่เข้ารับบริการครั้งแรก และค่าบริการโรงพยาบาล ถ้าต้องการใบรับรองแพทย์ หรือปรึกษาแพทย์เพิ่มเติม จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเข้าไปอีก
พิกัด : 3850 ถ. พระราม 4 แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110
✅
โรงพยาบาลเฉพาะทางแม่และเด็กแพทย์รังสิต
: อีกหนึ่งที่ที่เดินทางสะดวก ไปได้ด้วยรถไฟฟ้าเลยค่ะ ราคาตรวจจะอยู่ที่ 4,625 บาท อาจจะมีส่วนลด ลองไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ แพ็กเกจนี้จะครอบคลุมค่าตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ด้วยวิธี ThinPrep, ค่าตรวจหาเชื้อ HPV, ค่าตรวจรังไข่และมดลูกด้วยการอัลตราซาวด์ทางช่องคลอด (TVS), ค่าแพทย์ และค่าบริการโรงพยาบาล
พิกัด : 733/347 ถ. พหลโยธิน ต. คูคต อ. ลำลูกกา จ. ปทุมธานี 12130
✅
ประกันสังคม มาตรา 33 และ 39
: สามารถเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้ ณ โรงพยาบาลรัฐทุกแห่ง และโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมกับสำนักงานประกันสังคมได้เลย โดยสามารถเข้ารับบริการตรวจสุขภาพพื้นฐานและตรวจคัดกรองเพื่อป้องกันโรคทั้งหมด 14 รายการได้ฟรี ซึ่งรวมไปถึงการตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วย
ทุก ๆ สถานที่ แนะนำให้โทรไปสอบถามข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติมก่อนนะ ไม่ใช่อยากจะไปก็ไปเลย บางที่ต้องจองคิว นัดหมอก่อน เพราะฉะนั้นต้องเตรียมตัวให้ดี ๆ ขอคำแนะนำ และถามเรื่องการเตรียมตัว นัดหมายต่าง ๆ ให้พร้อม จะได้ไม่ไปเสียเที่ยวนะคะ
💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗
สรุปสั้น ๆ การตรวจ มะเร็งปากมดลูก ไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัว แต่เป็นเรื่องที่ผู้หญิงอย่างเราไม่ควรมองข้ามเลยต่างหาก เพราะฉะนั้นหาเวลาว่างไปตรวจกันจะดีกว่า สมมติถ้าตรวจเจอขึ้นมาในระยะแรก ๆ จะได้ทำการรักษาได้เร็วด้วย เรื่องมะเร็ง ไม่ว่าจะมะเร็งอะไรก็ตาม ล้วนเป็นโรคที่น่ากลัวทั้งนั้น การตรวจสุขภาพประจำปี เป็นสิ่งที่สำคัญ และควรทำนะคะ แล้วอย่าลืมไปฉีดวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูกกันด้วยนะ เรื่องแบบนี้ แม้จะดูไกลตัว แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ได้ไกลตัวเลยค่ะ เพราะฉะนั้นใส่ใจไว้หน่อย ตั้งแต่แรกเริ่ม ดีที่สุดนะคะเพื่อนสาว
สำหรับวันนี้ต้องลาไปก่อนแล้ว บ๊ายบาย
ขอขอบคุณภาพประกอบจากเว็บไซต์ : www.chulacancer.net / BDMS Wellness Clinic / theAsianparent Thailand
ขอขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ :
samitivejchonburi
/
sikarin /
ch9airport
/
bangkokpattayahospital
/
paolohospital / paolohospital
/
paolohospital
💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗💗
บทความแนะนำ
Leave a Reply